วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความเป็นมาของกีฬา bb. ในประเทศไทย





ความเป็นมาของกีฬา BB. ในประเทศไทย จากเริ่มต้นถึงปัจจุบัน
ประเทศไทยเริ่มรู้จักปืน BB. มาประมาณ 15-20 ปีมาแล้วราวๆปี พ.ศ.2529-2534 ก็ตั้งแต่เริ่มมีปืน BB. กำเนิดขึ้นในญี่ปุ่นไม่นาน โดยนำเข้ามาจากฮ่องกงพร้อมกับพลาสติกโมเดลจากผู้นำเข้าอิสระในขณะนั้น แต่ก่อนที่จะมีปืน BB. ที่ใช้กระสุนทรงกลมขนาด 6 มม.เราชาวไทยได้รู้จักกับโมเดลปืนและปืนแก๊ป ที่ใช้ลูกกระสุนแบบอื่นมาก่อนแล้ว จะเป็นปืนลักษณะใดติดตามได้จากบทความต่อไปนี้ โดยผมจะแบ่งออกเป็น 3 ยุคใหญ่ๆให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความเป็นมาของวงการปืน BB.ในประเทศไทยต่อไป

ยุคที่1. ปืนโมเดล
ราวๆปี พ.ศ. 2520 คนไทยจะรู้จักกับโมเดลปืนที่เป็นเหล็กบ้าง เป็น พลาสติกโมเดลที่จะต้องมาต่อและทำสีเองบ้าง บางแบบก็สามารถยิงได้ บางแบบเป็นปืนแก๊ปที่มีแต่เสียงและยิงอะไรออกมาไม่ได้ แบบที่ยิงได้จะเป็นระบบอัดลมที่คล้ายกับระบบแอร์ค๊อกกิ้ง ส่วนลูกกระสุนจะเป็นลูกพลาสติกรูปทรงคล้ายกระโถนขนาด .177 นิ้ว และ 6 มม. เราจึงเรียกว่าลูกกระโถน แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ปืนแบบนี้เป็นพลาสติกโมเดลที่จะต้องนำมาต่อและทำสีเอาเอง และพอทำสีแล้วหากนำไปเล่นบ่อยๆสีก็จะถลอกได้ จึงไม่มีใครนิยมนำออกมาเล่นกันมากนักส่วนใหญ่จะประกอบแล้วแขวนโชว์ไว้ในบ้านมากกว่า ปืนอัดลมแบบนี้ถูกจำลองมาจากปืนหลากหลายรุ่นและแบบมีทั้ง M-16 UZI AK-47 MP-5 และ อีกมากมาย แม้จะผลิตจากวัสดุที่เป็นพลาสติกที่ไม่แข็งแรงแต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่นักต่อโมเดลมากในยุคนั้น ส่วนห้างร้านที่นำปืนแบบนี้เข้ามาจำหน่าย ที่ใหญ่ๆก็จะมีไทยไดมารู เซ็นทรัล และ ร้านธนันต์ที่เป็นร้านขายชุดพลาสติกจำลอง ซึ่งบรรดาห้างร้านทั้งหมดนี้ล้วนมีใบอนุญาตนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ถูกต้องด้วยกันทั้งสิ้น (ตอนนั้นขออนุญาตง่ายมากแต่ต้องต่ออายุปีต่อปี) ผมเองยังจำได้ว่าคุณพ่อเคยซื้อให้แล้วผมก็เอาไปไล่ยิงคนรับใช้ในบ้านจนโดนคุณพ่อยึดไม่ให้เล่นแล้วพ่อก็ให้ลูกพี่ลูกน้องไป ผมร้องไห้ไม่พูดกับพ่อไปเดือนนึงเต็มๆ ต่อมาไม่นานความนิยมปืนโมเดลแบบนี้ก็สลายไป และ นิ่งๆอยู่พักใหญ่

ยุคที่2 ปืนBB.
จนมีปืน BB. ที่เป็นปืนสั้นอัดลมและปืนอัดแก๊สเข้ามาขายความนิยมปืนอัดลมจึงเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กระแสนิยมสูงกว่าเดิม คือ นอกจากผู้เล่นที่เป็นคนเล่นโมเดลเสียส่วนใหญ่ที่จะเล่นปืนโมเดลด้วย มาเป็นผู้เล่นที่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพื้นฐานที่การต่อโมเดลมาก่อน เนื่องจากปืนแบบใหม่นี้ไม่ต้องประกอบเองและบางแบบก็จะมีวัสดุเป็นเหล็กจึงมีความทนทานกว่าปืนโมเดลแบบเรก อีกทั้งปืน BB.ที่เป็นแก๊สยังสามารถยิงได้ต่อเนื่องในระบบเซมิออโต้ แม้จะยังไม่มีระบบโบว์แบ๊กเหมือนในปัจจุบัน แต่มันก็สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ยิงได้มากกว่าปืนอัดลมแบบเก่า แค่ปืนสั้นอัดแก็ส ก็เป็นที่นิยมกันอย่างมากอยู่แล้วแต่เมื่อมีปืนสั้นออกมาไม่นานปืนยาวอัดแก๊สเข้ามาให้เห็นกันบ้างในประเทศไทย แต่ เหตุการผิดคาดปืนยาวอัดแก๊สกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเนื่องจากราคาที่สูงมากและระบบปฏิบัติการนั้นยังมีปัญหามากและอายุการใช้งานต่ำ ซ้ำอะไหล่ก็หายากในเมืองไทย(บางแบบไม่มีอะไหล่) และ เนื่องจากเป็นปืนที่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้จึงต้องใช้แก๊สในปริมาณมากจึงมีความสิ้นเปลืองสูงเป็นเหตุให้ต้องใช้ถังแก๊สขนาดใหญ่อยู่นอกตัวปืนโดยใช้สายลมต่อเข้ากลับตัวปืนอีกที ด้วยความยุ่งยากอายุการใช้งานต่ำ และ ราคาที่สูงปืนยาวอัดแก๊สจึงไม่ได้รับความนิยมสูงนักในเมืองไทย ปืนBB.ในยุคนี้ไม่ต้องพูดถึงความแม่นยำ ที่ไม่ต้องพูดถึงก็คือมันไม่มีเลย ในระยะ10 เมตรขึ้นไปปืน BB. ยุคนี้จะไม่สามารถคุมกลุ่มกระสุนได้เลยเพราะมันยังไม่มีฮอบอัพเหมือนปืน BB.สมัยใหม่ ผู้เล่นก็จะนิยมซื้อปืน BB.มาเก็บไว้เล่นอยู่ในบ้านหรือ เล่นยิงเป้าธรรมดา เมื่อปืนถึงอายุการใช่งานและพังไปก็ยังไม่มีใคนซ่อมได้สุดท้ายก็ต้องวางไว้เฉยๆหรือทิ้งไป เรื่องที่จะมีการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกมแบบในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีใครเล่นเพราะหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันยังไม่มีจึงกลัวจะเป็นอันตรายหากจะนำมาเล่นยิงกัน (แต่ก็มีคนเล่นเหมือนกันสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บกันจนได้) จนเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีปืน BB.ไฟฟ้าของมารุอิ เข้ามาทำให้กระแสนิยมปืนยาวก็เริ่มสูงขึ้น เพราะปืนที่ราคาถูกกว่าปืนยาวอัดแก๊ส อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แม้อะไหล่จะยังหายากอยู่แต่ก็สามารถสั่งร้านที่นำเข้ามาให้เอามาได้ และที่สำคัญความสิ้นเปลืองก็ต่ำกว่าเพราะไม่ต้องใช้แก๊สเพียงแต่ชาร์ตแบ็ตฯให้เต็มก็สามารถยิงได้แล้ว ความนิยมปืนยาวไฟฟ้าจึงสูงมากจนไม่มีบรรดาผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงรายใดไม่เคยนำเข้ามาขายเลย ผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงทุกรายต่างแข่งกันนำปืนไฟฟ้าของมารุอิเข้ามาขายจนบางรายเลิกนำเข้าพลาสติกโมเดลและหันมานำเข้าปืน BB.ไฟฟ้านี้แทน แต่ปืนยาว BB.ยุคนี้ก็ยังไม่มีฮ๊อบอัพอยู่ดีความแม่นยำจึงต่ำไปด้วย แม้จะมีปืน BB. ไฟฟ้าแล้วการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกม ก็ยังไม่มีอยู่ดีเพราะยังขาดอุปกรณ์ป้องกัน และ ไม่มีสนามให้เล่น แม็กฯโมฯก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ การเล่นส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิมคือเล่นอยู่ในบ้านและสะสม

ยุคที่3. กีฬา BB.
เริ่มจากการเกิดขึ้นของสนาม เพนท์บอล ที่ย่านตะวันนา ข้างๆเดอะมอล์บางกะปิ โดยเจ้าของสนามและเพื่อนๆในสมัยนั้นได้เริ่มนำปืน BB. เข้ามาร่วมเล่นด้วยโดยเป็นการเล่นกันในเวลากลางคืน เพราะเหตุผลด้านกฏหมายในสมัยนั้น และในยุคแรกๆของสนามก็ยังไม่มีปืนและอุปกร BB. ให้ผู้เล่นได้เช่ามีเพียงสนามและอุปกรณ์เพนท์บอลเท่านั้น และต่อมาเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้นทางสนามจึงได้มีปืนและอุปกรณ์ BB. ให้เช่าร่วมกันกับกีฬาเพนท์บอลไปด้วย สนามที่ว่านี้ก็คือสนามยุทธกีฬา ร.11 ในปัจจุบันนี้เอง เมื่อมีสนามที่ตะวันนาได้ไม่นานก็เริ่มมีสนามเกิดขึ้นมาใหม่หลายสนามแต่ส่วนมาก จะเป็นสนามเพนท์บอลซะมากกว่า ต่อมาสนามตะวันนาก็ต้องปิดตัวลงและย้ายไปอยู่ที่ตลาดปฐวิกร (หลังโรงเรียน บดินเดชา 2) ซึ่งที่นี้เองที่อาจจะนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มของวงการ BB. ในไทยเลยก็ว่าได้ และผมเองก็ได้เริ่มเล่น BB. จากจุดนี้ และ ถ้านับถึงปัจจุบันก็ 11 ปีแล้วละครับ ด้วยเหตุที่สนามมีไม่เพียงพอรวมทั้งผู้เล่นก็ยังไม่แพร่หลายนักทำให้ผู้เล่นรวมตัวกระจุกันอยู่ที่ปฐวิกรเสียมากกว่า ในสมัยนั้นผู้เล่นยังน้อยเสียจนสามารถนับตัวผู้เล่นได้และผู้เล่นทั้งหมดส่วนมากจะรู้จักกัน และสนามเริ่มมีการประชาสัมพันธ์ ทำให้ BB. เริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น บรรยากาศในสนามสมัยนั้นบอกได้ว่าสนุกมากครับ และมารยาทเป็นเรื่องสำคัญ มากในสมัยนั้น ทั้งในสนามและนอกสนาม จะได้ยินแต่คำขอโทษ สนามปฏวิกรเปิดอยู่ที่นั้นได้พักใหญ่ๆ หลังจากนั้นไม่นานสนามปฏวิกรก็ต้องย้ายอีกครั้งมาที่ แถบย่านรามอินทรา (เรียบทางด่วน) ในยุคนี้เองที่วงการกีฬา BB. ของไทยได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง คือเริ่มมีการจัดออนทัวร์ออกไปเล่นนอกสถานที่ จากเดิมที่เคยเล่นในสนามกันอย่างเดียว และในเวลานี้เองที่นิตยสาร เกมกันแม็กกาซีน ของเราได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีบางออนทัวร์เราเป็นโต้โผในการจัดงาน วงการ BB.ช่วงนี้เติบโตแบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป ปืน BB. ที่ใช้ก็ยังคงเป็นปืนปืนยี่ห้อ มารุอิเป็นส่วนใหญ่ (95%) จะมียี่ห้ออืนน้อยมาก ยี่ห้อ ทานากะ มารุเซ็น และอื่นๆที่ในสมัยนี้ถือว่าปกติ ใครใช้ปืนพวกนี้จะถือว่าแปลกและมักหาอะไหลได้ยากต้องสั่งพิเศษเข้ามาเท่านั้น ส่วนร้านค้าและผู้นำเข้าก็จะเป็นผู้นำเข้าอิสระ ผู้นำเข้ารายใหญ่ๆในสมัยนั้นก็มี ร้าน KPN. ของพี่ไก่ ร้านเฮียฉิ่ม ส่วนผู้ค้ารายอื่นๆก็จะรับจากสองรายนี้ไปขายกันอีกทอดหนึ่ง หรือไม่ก็มีสายนำเข้ามาเองแต่ก็ไม่มากนัก การซื้อขายนั้นยังเป็นระบบต้องสั่งล่วงหน้าหรือต้องสั่งก่อนจึงจะได้ของ ยังไม่มีโชว์รูมที่สามารถโชว์ของได้เนื่องจากข้อกฏหมายบางประการ พอปืนBB.มีให้เล่นกันมากขึ้นสื่อต่างๆของกีฬา BB. ก็มีให้ติดตามมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน ผู้เล่นเริ่มเห็นว่าปืนของตนสามารถตกแต่งให้สวยงามและแรงได้ จึงมีการคิดที่จะแต่งปืน แต่ บรรดาอะไหล่และช่างปืน BB.นั้นยังน้อยอยู่ ช่างบางรายก็เป็นเดียวกับผู้ค้า และในยุคแรกๆนี้ใครซื้อปืนกับใครก็ควรให้ผู้ขายนั้นเป็นผู้แต่งหรือซ่อมปืนให้ ช่างบางรายจะไม่ซ่อมหรือแต่งปืนให้กับผู้ซื้อท่านอื่นที่ไม้ได้ซื้อกับตน โดยมากจะซื้อปืนที่สนามและให้ช่างประจำสนามซ่อมหรือแต่งปืนให้ ส่วนการแต่งปืนนั้น เนื่องจากอะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆจะไม่ครบและหายากในประเทศ จนต้องมีการนำวัสดุที่มีในประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานมาดัดแปลงใช้กับตัวปืนทำให้บางครั้งปืนBB.เกิดชำรุดเสียหายอย่างไม่สมควร และช่างในยุคเริ่มต้นนี้ก็ยังไม่มีความรู้อะไรมากนักการแต่งปืนจึงเป็นการลองผิดลองถูกเสียมากกว่า อายุเฉลี่ยของปืน BB.ที่แต่งแล้วจะสามารถอยู่ได้ประมาณ หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น จึงมีผู้เล่นบางส่วนกลัวที่จะแต่งจนเป็นนิสัยตกทอดมาถึงปัจจุบัน ก็เพราะความขาดความเข้าใจในระบบกลไกของตัวปืน ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งบนตัวปืนนั้นถ้าไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทางมารุอิผลิตขึ้นมาก็จะต้องใช้อุปกรณ์ทีใช้กับปืนจริงที่มีราคาสูง เช่นถ้าใครติดกล้องเรดดดอดแล้วจะถือว่าผู้นั้นมีฐานะที่ดีมากเลยทีเดียว กล้องสโคบก็มีราคาสูงอยู่มากแม้จะเริ่มมีของจีนเข้ามาขายบ้างแล้วแต่ก็ไมีไม่มากและยังหายากอยู่ มีเรื่องที่ถ้าคิดย้อนกลับไปแล้วอดนึกขำไม่ได้หลายเรื่องที่ถ้าเป็นตอนนี้เราคงไม่กระทำและบางเรื่องเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไรที่ผู้เล่นBB.พึงกระทำ เช่น ด้วยความที่กล้องเรดดอดนั้นหายากและมีราคาสูงมาก เราจึงเห็น MP-5 ที่เป็นปืนกลมือ แต่กลับติดกล้องสโคบที่มีกำลังขยายสูงๆที่ควรจะติดปืนไรเฟิลมากกว่า และ การที่มีปืนแต่งเฟืองรูดทุกอาทิตย์ด้วยเหตุที่ใช้สปริงแข็งมากๆ(ไปเดินหาสปริงเอาเองย่านคลองถม)แต่ไม่ใส่ห้วและแกนท้ายที่เป็นลูกปืนและช่างกับเจ้าของปืนก็ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องปกติ แล้ว ยังมีที่ใช้สปริงเบอร์แข็งๆแต่ไม่เปลี่ยนบูชิ่งให้มาเป็นบูชิ่งโลหะเสียก่อน เฟืองจึงล้มและเสียหายไปทั้งระบบเกียร์บ๊อก รวมทั้งการที่มีเจ้าหน้าที่ประจำสนามหลายๆคนหัวใสคิดนำเอาลูกBB.ที่ยิงแล้สในสนามมาร่อนเอาดินออกและนำมาหมุนเวียนขายให้กับลูกค้าที่มาเล่น โดยมีราคาขายที่ถูกกว่าลูกBB.ใหม่มาก ซึ่งก็นั้นละครับปืนพังกันไปเป็นแถว จนเจ้าของสนามต้องสั่งเลิกการกระทำเช่นนี้ไป ที่นึกขึ้นมาแล้วต้องอมยิ้มทุกครั้งก็คือการแต่งตัวของผู้เล่น คือ ยุคนั้นเสื้อเกราะเสื้อเวสต์นั้นยังหาไม่ได้ง่ายนักการใส่เสื้อกั๊กของช่างภาพที่มีกระเป๋ษเล็กๆที่พอจะใส่แม็กฯสำรองได้นั้นเป็นที่ยอมรับและนิยมมาก หรือไม่ก็มีผู้เล่นหัวใสที่ตัดชุดเกราะจากเสื่อน้ำมันหุ้มด้วยผ้าไนล่อนขึ้นมาใช้เอง ในสมัยนี้พอเอารูปเก่าๆมาดูก็อดขำตัวเองและเพื่อนๆไม่ได้ว่าทำไปได้อย่างไรนะ การเล่นในยุคแรกๆจะเป็นการเล่นที่ค่อนข้างหลบๆซ่อนๆ กล่าวคือจะต้องเล่นกันเฉพาะในเวลากลางคืน และเล่นกันอยู่ในหมู่คนที่ไม่มากนัก การที่จะเล่นเวลากลางวันจะน้อยมากแถบจะไม่มีเลย แต่ การเล่นในเวลาที่แสงธรรมชาติหมดลงไปแล้วก็นับเป็นการเล่นที่สนุกและยากกว่าการเล่นกลางวันในปัจุบันมากเลย โดยผู้เล่นทุกคนจะเริ่มทยอยมาถึงสนามใยเวลาประมาณ 3 ทุ่ม และจะเริ่มเล่นกันจริงๆได้ในเวลา 4-5 ทุ่ม จากนั้นก็เล่นกันไปยันตี 2 ตี 3 กันเลยทีเดียว บางที่อาจถึงเช้าเลย และจะเป็นแค่คืนวันเสาร์เท่านั้นที่มีการเล่น BB. กันในสนาม สำหรับในต่างจังหวัดก็จะมีบางที่เล่นกัน แต่จะเป็นการนัดเล่นกันเองในกลุมมากกว่าที่จะเป็นการเล่นที่มีสนามชัดเจน การนัดกันเล่นเองในกลุ่มก็มีเช่นกันในกรุงเทพฯ แต่จะเป็นการเล่นที่ค่อนข้าอันตรายและผิดกฏหมายอยู่ เช่นการนัดกันเล่นที่คลังสินค้าย่านพหลฯ ที่เป็นการเล่นแบบนัดกันเองในสถานที่ที่ไม่ได้มีการจัดเตรียมบอกกล่าวกับเจ้าของสถานที่ให้แน่ชัดเป็นต้น บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับผู้อื่นจนเป็นเรื่องราวเกิดขึ้น
จนเมื่อย่างเข้าปี พ.ศ. 2542 ที่วงการBB.ของไทยได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่สนามได้เริ่มออกกฏที่แน่นอนว่าโดนนัดเดียวก็ต้องออก และมีการใช้กติกา ยูเดด ในระยะใกล้ จากที่เมื่อก่อนจะต้อง ยิงจนกว่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะเจ็บจนทนไม่ได้และยอมออกไป ความต้องการที่จะเล่นนอกสนามก็ยังคงมีอยู่ แต่ ได้มีการขอร้องและขอความร่วมมือกับผู้เล่นว่าถ้าไม่แน่นอนว่าจะเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยแล้วก็อย่าออกไปเล่นเลย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออยู่มากเลยทีเดียว (ก็คนมันยังน้อยอยู่นี่) แต่ความต้องการออกไปเล่นนอกสถานที่ก็ยังคงไม่จางหายไป เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องออกมามาก ทางสนามจึงรวมตัวกับผู้ประกอบการด้านกีฬา BB. ที่ในตอนนั้นนิตยสารเกมกันของเราได้เปิดตัวแล้ว และเราก็เป็นผู้จัดหลักๆในคณะผู้จัดงานด้วย โดยได้เริ่มจัดงานออนทัวร์ต่างๆขึ้นมาหลายงาน จนได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้เล่น เพราะนั่นเป็นครั้งแรกๆที่ผู้เล่นในเมืองไทยได้ออกไปเล่นนอกสถานที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงอันตรายและกลัวว่าจะมีใครเข้าใจผิดเกิดขึ้น และบางงานก็ยังจัดในพื้นที่ของทหารและได้มีทหารจริงๆมาร่วมเล่นกับผู้เล่นอีกด้วย ในช่วงนี้กีฬาBB.ในไทยเฟื่องฟูขึ้น แต่ก็จะสะดุดเล็กน้อยเหตุจากสภาวะเศษฐกิจตกตำ่ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องผลอยชะงักไปด้วย ผู้เล่นที่มีฐานะดีบางคนต้องกลายเป็นบุคลล้มละลายเนื่องจากกิจการล้มเหลวและมีหนี้สินล้นพ้นจนไม่สามารถจะเล่นปืน BB.ได้ต่อไป การขายปืน มือสองเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ปืนเก่าสภาพดีราคาถูกเริ่มหาซื้อได้ง่าย แต่ปืนใหม่นั้นจะแพงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ผู้เล่นจึงหันมาซื้อปืนมือสองที่ลงประกาศขายในเว็บไซด์ของมือสองต่างๆ จนบางครั้งเกิดการหลอกลวงต้มตุ๋นกันจนเป็นเรื่องเป็นราวกันมาแล้ว การซื้อขายปืนBB.มือสองนี้เองที่เป็นการทำให้เกิดผู้เล่นใหม่ๆที่เมื่อก่อนไม่มีทางได้เข้าถึงปืนBB.ใหม่ๆได้เลย และในเวลาต่อมาที่เศษฐกิจเริ่มฟื้นตัวผู้เล่นที่เคยหยุดเล่นไปนั้นกลับมามีกำลังเงินที่จะกลับมาเล่นBB.ได้อีก ทำให้จำนวนผู้เล่นมีมากขึ้นเป็นเท่าทวี อีกทั้งการฟื้นตัวคราวนี้นำเอาสื่อต่างๆที่เป็นความรู้ด้านปืนBB.และการเติบโตของกีฬา BB. ในเอเชียก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจผู้นำเขาอิสระต่างๆเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทำให้บรรดาอุปกรณ์ อะไหล่ และเครื่องแต่งตัวต่างๆ นั้นได้ถูกนำเข้ามาในประเทศอย่างลนหลาม เป็นเหตุให้ผู้เล่นมีความรู้มากขึ้นและสามารถใช้อะไหล่แท้ที่ได้มาครฐานมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จากการขยายตัวของกีฬาBB.ในเอเชียนี้เองทำให้เกิดผู้ผลิตใหม่ๆออกมาทำให้ตัวเลือกในการเลือกซื้อปืน BB. มีมากขึ้น เกิดการเปรียบเทียบในด้ายคุณภาพและราคาที่จะจัดให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละบุคลได้ ด้านอะไหล่และชุดแต่งที่เมื่อก่อนเป็นแค่ความฝันก็เริ่มมีการสั่งเข้ามาขายกันอย่างหนาตาจนค่อนข้างจะหาซื้อได้ง่าย ร้านรวงที่เป็นร้านค้ารายย่อยก็เริ่มเกิดขึ้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งของจากร้านใดถ้าในกรณีที่ร้านหนึ่งหาของไม่ได้ อีกร้านก็ยังมี ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมานี้วงการBB.ในไทยเติบโตมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและควบคุมได้ง่าย ก็เพราะว่ากลุ่มผู้เล่นที่เป็นผู้มีฐานะดีเพราะของยังมีราคาสูงอยู่และจับตัวกันแน่นและส่วนมากจะรู้จักกัน ใครจะทำอะไรก็จะรู้ถึงกันหมด การทีผู้มีฐานะไม่ดีหรือปานกลางจะเข้าถึงกีฬาBB.นี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
จนเมื่อ ปี พ.ศ. 2547-8 ขึ้นมานี้เองที่เริ่มมีกิจกรรมเกิดขึ้นมามากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เคยซบเซาลงไปและในปลายปี พ.ศ. 2549 ถึงต้นปี 2550 มีกิจกรรมพิเศษๆอย่างที่ไม่เคยมีมาเกิดขึ้นติดๆเลย เป็นการกระตุ้นให้มีผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นผู้เล่นในวงการมากขึ้น ประกอบกับการที่มีสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในท้องตลาดมากขึ้น ทำให้กระแสนิยมในหมู่ผู้เล่นที่มีฐานะปานกลางมีมากขึ้นจนแซงสินค้าจากญี่ปุ่น และ ฮ่องกงที่มีราคาสูงกว่า อีกทั้งผู้ที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นคนส่วนมากของประเทศ นั้นยังมีสิทธิ์เข้าถึงกีฬาBB.ด้วย แต่สินค้าจากประเทศจีนนั้นยังด้อยคุณภาพกว่าสินค้าจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ไต้หวัน เนื่องจากประสบการณ์และความพิถีพิถันในการผลิตชิ้นงาน จากการที่คนส่วนมากสามารถเข้าถึงและเล่นกีฬา BB.ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จึงเกิดผู้เล่นหน้าใหม่ๆขึ้นอย่างมาก ทั้งในเมืองหลวงและตามต่างจังหวัด จากการที่ผู้เล่นแทบจะทุกคนรู้จักกันในยุคก่อน กลายเป็นว่าในสนามกลับมีผู้เล่นมากมายที่ไม่รู้จักกันมาก่อนและเริ่มจะแยกตัวห่างเหินไม่คุยกันข้ามกลุ่มของตนเอง คำว่าขอโทษเริ่มจางหายไป มารยาทที่ดีเริ่มลดลงไป ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ การโวยวาย ตะโกนด่าทอกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นธรรมดากับการที่มีคนหลากหลายที่มา กำพืด และ ชนชั้นเข้ามาอยู่รวมกัน ที่คนต่างชนชั้นมักจะไม่ชอบกันอยู่แล้วเป็นทุนเดิมเมื่อมาพบกันก็จะเกิดขเม่นกันเป็นธรรมดา และด้วยการเกิดของผู้เล่นหน้าใหม่ๆอย่างทะลักทะลายนี้เอง ทำให้ในปี พ.ศ. 2549 ปีเดียวมีสนามเกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ ความน่ากลัวมันอยู่ที่ ความพร้อมทางด้านระเบียบวินัยของวงการ BB.ในเมืองไทยที่ยังไม่สูงมากนักเพราะที่ผ่านมาเราใช้วิธีการควบคุมกันเองแบบเพื่อนขอร้องเพื่อนเพราะเมื่อก่อนจำนวนผู้เล่นยังน้อยอยู่การควบคุมวิธีนี้จึงสามารถกระทำได้ แต่ ในปัจจุบันนี้มีการขยายตัวของวงการจนผู้เล่นมีมากมาย วิธีควบคุมแบบเก่าจึงใช้ไม้ได้ผลอีกต่อไป ทำให้เกิดปัญหาและการแหกกฏเกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญคือ ปัญหาเมื่อผู้เล่นไม่ยอมทำตามกฏของสนามและโดนตักเตือน แต่ ถือตนว่าตนเองมีกำลังพอที่จะสร้างสนามขึ้นมาเองได้และได้สร้างสนามขึ้นมาเอง แล้วจึงเปิดให้กลุ่มของตนเข้าเล่น โดยมีกฏกติกาของตนเองที่อยากจะตั้งก็ตั้งขึ้นมา พอมีผู้เล่นที่อยู่ในแถบนั้นมาเล่นเพิ่มมากขึ้นกติกาแบบนี้จึงเป็ที่ยอมรับในกลุ่มที่เล่นสนามนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วปืนที่อันตรายกว่าที่อื่น กฏการโดนยิงที่บางสนามยังคงชอบแบบยิงจนกว่าจะออก หรือ ต้องโดนเป็นชุดใหญ่ๆเท่านั้นจึงจะออก พอมีกิจกรรมที่จะต้องออกไปเล่นกับผู้เล่นที่มาจากหลายๆสนาม ก็จะเกิดความขัดแย้งกันเรื่องกฏกติกากันโดยความเคยชินของแต่ละคน นี่เป็นตัวอย่างของปัญหาของการเติบโตอย่างรวดเร็วของวงการBB.ของไทยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงเกิดความคิดที่จะมีการจัดระเบียบของสนามและผู้เล่นให้ไปในแนวทางเดียวกัน(ก่อนภาครัฐจะมาจัดให้) โดยได้มีการประชุมกันในผู้กระกอบการในวงการBB.ที่ว่าจะให้มีสมาคมผู้ประกอบการสนามกีฬา BB.และ เพนท์บอล ให้มีการรวมตัวกันตั้งกฏกติกาให้เป็นเหมือนกันหมดทุกสนาม หากมีการลงมติแล้วผู้ที่ฝ่าฝืนก็จะถูกขับออกจากสมาคมและกลายเป็นสนามเถื่อนไปในที่สุด ส่วนผู้เล่นนั้นถ้าสนามมีกฏอย่างไรผูเล่นก็ต้องทำตามกฏอยู่แล้วโดยปริยาย และอาจมีการใช้กฏในการจำกัดความเร็วของปืนBB.มาควบคุมผู้เล่น ให้เป็นที่เท่าเทียมและมีความปลอดภัยกับสังคม การใช้มาตรการควบคุมแบบนี้แม้จะเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับผู้เล่นในช่วงแรกๆแต่เมื่อนานๆไปแล้วก็จะรู้สึกชินไปเอง และระเบียบวินัยของผู้เล่นก็จะประกฏขึ้นในวงการ BB. ของประเทศไทย
และนี่คือความเป็นมาของกีฬา BB.ของประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจุบันและสิ่งที่เราวางแผนต่อไปในอนาคต


ขอขอบคุณ เวป http://www.thaiairsoftgun.com ที่เอื้อเฟือข้อมูลทั้งหมด
ขอขอบคุณ คุณ RBJ ที่เอื้อเฟือภาพประกอบ

ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี




มารู้จักหนองหาน
หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อหนองหาน อาจเคยนึกว่าเป็นเพียงหนองน้ำธรรมดา หนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีพื้นที่ถึง 22,500 ไร่ อยู่ทางตอนเหนือของอำเภอกุมภวาปี มีลำห้วยไหลลงสู่หนองหาน 6 สาย และหนองหานยังเป็นต้นกำเนิดสำคัญของลำน้ำปาวไหลผ่านอำเภอกุมภวาปีไปทางทิศใต้แล้วผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ เลยไปลงแม่น้ำชี ปัจจุบันหนองหานได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ โดยมีการทำคันดิน ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 80 กิโลเมตร ล้อมรอบหนองหานและสร้างฝายกั้นลำปาว บริเวณบ้านท่าม่วง ตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี แต่หนองหานยังคงความยิ่งใหญ่จนถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ตำนานรักพญานาค เมืองล่มจมบาดาลที่หนองหาน
มีหมู่บ้านที่อยู่ติดริมหนองหานและอยู่ในอาณาบริเวณรวมแล้วประมาณ 60 หมู่บ้านจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนองหานมีความกว้างใหญ่เพียงใดและมีตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคที่มีชื่อเสียงว่า ตำนานผาแดงนางไอ่ ซึ่งคนในชุมชนยังมีความเชื่อในตำนานเรื่องนี้สืบต่อกันมายาวนาน

ตำนานโบราณเกี่ยวกับหนองหานที่เล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณ กล่าวไว้ว่า นางไอ่เป็นธิดาของพระราชาเมืองขอม ซึ่งมีสิริโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของเจ้าชายเมืองต่าง ๆ มีอยู่ปีหนึ่ง เมืองขอมประสบปัญหาฝนแล้ง เจ้าเมืองขอมจัดการแข่งขันบั้งไฟ และมีการจุดบั้งไฟเพื่อเสี่ยงทายขอฝน และหากบั้งไฟของใครขึ้นสูงที่สุด จะยอมยกธิดา คือนางไอ่คำ ให้เป็นภรรยา มีเจ้าชายจากนครต่าง ๆ เข้าแข่งขัน รวมทั้งท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง

ฝ่ายท้าวภังคี โอรสของพญานาค ในนครบาลดาล ทราบข่าว ก็ยกพลพญานาคปลอมตัวเป็นคนเข้ามา เข้าแข่งขันด้วย บั้งไฟของพญานาคภังคีไม่ชนะ แต่เมื่อภังคีได้ยลโฉมนางไอ่คำก็ไม่สามารถจะถอนใจรักได้ จึงปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาในสวนดอกไม้ของนางไอ่คำ ด้วยเคราะห์แต่ชาติปางก่อน นางไอ่คำเกิดคิดวิปริต ต้องการบริโภคเนื้อกระรอกเผือก จึงสั่งให้นายพรานตามล่ามาปรุงอาหาร และนายพรานก็ยิงกระรอกเผือกได้ ก่อนตายได้อธิษฐานว่า ใครก็ตามที่ได้บริโภคเนื้อของตนจงจมน้ำตายในบาดาล นางไอ่คำได้นำเนื้อกระรอกมาปรุงอาหาร และแจกจ่ายเนื้อกระรอกไปทั้งเมือง ในคืนนั้นเองเกิดพายุฝนแผ่นดินไหว น้ำท่วมพัดพาผู้คนลงสู่หนองหานและท้องบาดาล ท้าวนาคราชบิดาของภังคี โกรธที่โอรสถูกฆ่า จึงพานาคจากเมืองบาดาลมาอาละวาดถล่มเมืองขอมจนสิ้น ส่วนท้าวผาแดง เมื่อเห็นเมืองขอมถล่มได้พานางไอ่คำขึ้นม้าควบหนีไปทางทิศเหนือ หนีน้ำและบรรดาพญานาคที่ตามพ่นไฟไล่หลังมา วิญญาณแค้นของภังคีได้วนเวียนมาทวงความแค้นกับผาแดงนางไอ่ตลอดมาทุกชาติ

บริเวณที่พวกนาคถล่มจมพื้นบาดาล ได้กลายเป็นหนองหาน ณ ปัจจุบัน อยู่ในจังหวัดอุดรธานี เป็นต้นลำน้ำปาว มีเกาะต่าง ๆ ที่เหลือจากการล่ม คือ เกาะเกษ ดอนสวน ดอนเตา ดอนดินจี่ ดอนแอ่น และดอนหลวง มีสถานที่เป็นทางผ่านของผาแดง นางไอ่ เช่น ห้วยพ่นไฟ ห้วยสามพาด ห้วยน้ำฆ้อง ห้วยกองสี ฯลฯ

ประชาชนรอบ ๆ หนองหาน ได้สร้างเจดีย์ วัด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณผู้ที่ประสบเคราะห์กรรมจมน้ำตายในครั้งนี้ ได้แก่ พระธาตุเชียงแก้ว พระธาตุดอยหลวง พระธาตุบ้านเดียม พระธาตุจอมศรี พระมหาธาตุเจดีย์(พระธาตุดอนแก้ว) ศาลท้าวผาแดง เป็นต้น
ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี
หนองหาน นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบหนองหานได้พึ่งพาเป็นแหล่งอาหารแล้วนั้น ยังมีระบบนิเวศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มาศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว ธรรมชาติของหนองหาน ยังได้บรรจงสร้างทะเลบัวแดงสร้างความงดงามให้แก่หนองหานมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ดอกบัวแดงในหนองหานซึ่งมีจำนวนมากจะงอกงามโผล่จากน้ำขึ้นมา โดยเริ่มจากเดือนตุลาคม บัวเริ่มแตกใบและเริ่มออกดอกตูมและบานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บัวจะออกดอกมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ และค่อย ๆ ลดปริมาณลงในเดือนมีนาคม ดอกบัวส่วนใหญ่จะบานในช่วงเช้าตรู่ถึงเที่ยง นักท่องเที่ยวจะมองเห็นบัวแดงบานเต็มท้องน้ำสุดลูกหูลูกตางดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่าทะเลบัวแดง
สืบสานวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยว
จากจุดเด่นของหนองหานและตำนานเก่าแก่ได้หล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณรอบหนองหาน ให้เกิดความหวงแหนอนุรักษ์และพึ่งพาธรรมชาติจากหนองหานได้อย่างสมดุลและยั่งยืนมาจวบเท่าทุกวันนี้ อำเภอกุมภวาปีร่วมกับเทศบาลตำบลเชียงแหว ตลอดจนกลุ่มองค์กร และภาคเอกชนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี จึงได้กำหนดจัดงานเทศกาลทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปี ประจำปี 2553 ในวันที่ 15-17 มกราคม 2553 รวม 3 วัน 2 คืน ณ วัดบ้านเดียม หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่นและเพื่อส่งเสริมให้หนองหาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี

กิจกรรมในงานประกอบด้วยการสักการะพระมหาธาตุ เทพจินดา (พระธาตุบ้านเดียม) ล่องเรือชมธรรมชาติหนองหานและทะเลบัวแดงชมการประกวดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การแข่งขันกีฬาหลายประเภท การแสดงของนักเรียน นักศึกษาและกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

การเดินทางไปบ้านเดียม
จากเมืองอุดรธานีใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-กุมภวาปี) ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางห้วยสามพาด-อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ประมาณ 18 กิโลเมตร

ขอเชิญนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมความงดงามของหนองหาน ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม จนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี และที่ไม่ควรพลาด คือ เทศกาลทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปี ประจำปี 2553 ในวันที่ 15-17 มกราคม 2553 ณ วัดบ้านเดียม ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี

“ไผว่าบึงหนองหานฮ้าง
ให้จูงแขนเพิ่นมาเบิ่ง แนเด้อ
ธรรมชาติงามล้นขอบฟ้า
ฟังได้บ่ทอเห็น....พี่น้องเอ้ย”

ขอทราบรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ที่ทำการปกครองอำเภอกุมภวาปี โทรศัพท์ 0-4233-4446
- สำนักงานเทศบาลตำบลเชียงแหว โทรศัพท์ 0-4223-6022
- นายรักเกียรติ ศรีลาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเดียม โทรศัพท์ 08-4798-9016
- นางขันแก้ว แสนนางชน ประธานกลุ่มโฮมสเตย์บ้านเดียม โทรศัพท์ 08-6222-2486
- นางพวงทอง อุดชาชน ประธานกลุ่มโฮมสเตย์บ้านเชียงแหว โทรศัพท์ 08-5458-1075 , 0-4214-3070
- สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี โทรศัพท์ 0-4232-5406-7,0-4232-6436 www.tourismthailand.org/udonthani

10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง




















กรมอนามัย วิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย �องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เ พื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า

ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ
1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก
4. กล้วยไข่
5. มะม่วงยายกล่ำ
6. มะปรางหวาน
7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
8. มะยงชิด
9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
10. สับปะรดภูเก็ต
ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม

ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย
1. แก้วมังกร
2. มะขามเทศ
3. มังคุด
4. ลิ้นจี่
5. สาลี่

10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ
1. มะขามป้อม
2. ฝรั่งกลมสาลี่
3. ฝรั่งไร้เมล็ด
4. มะขามเทศ
5. เงาะโรงเรียน
6. ลูกพลับ
7. สตรอเบอร์รี่
8. มะละกอสุก
9. ส้มโอขาว
10. แตงกวา
11. พุทราแอปเปิล

การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ
1. ขนุนหนัง
2. มะขามเทศ
3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
4. มะเขือเทศราชินี
5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
7. มะม่วงยายกล่ำสุก
8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
9. สตรอเบอร์รี่
10. กล้วยไข่
ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล
ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี

ทั้ง นี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อใ ห้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้ จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี.

ตัวอักษรไทย 44 ตัว กับความหมายของคำว่าเพื่อน
















ก - เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ

ข - เ ข้ า ใ จ เ ร า

ค - ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า

ง - ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด

จ - จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ

ฉ - เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า

ช - ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า

ซ - ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ

ด - เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า

ต - ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า

ถ - ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข

ท - ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ - ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น - นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า

บ - บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป - ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ - ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ - ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ - เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ - ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ - ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ม - ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า

ย - ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า

ร - รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า

ล - ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า

ว - ไ ว้ ใ จ เ ร า

ศ - ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า

ส - สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า

ห - เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า

อ - อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ

ฮ - เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ลา

ใบลาออกจากความทุกข์


ใบลาออกจากความทุกข์ ไม่สำคัญว่า . . . มีทรัพย์มากหรือน้อย
แต่สิ่งสำคัญ คือ . . . ต้องใช้ให้น้อยต่างหาก . . .
. . . ชีวิตจึงจะมีเหลือมากกว่าขาด . . .

คนจนยิ่งจน . . . เพราะทำรวย . . .
คนรวยยิ่งรวย . . . เพราะทำจน . . .
. . . ทำตัวให้เป็นปกติ . . . ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น . . .
. . . ชีวิตก็จะเป็นปกติ . . .

. . . ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .
. . . ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .
. . . เป็นคนอาภัพอับโชคที่สุดในโลก . . .

. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .
. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .
. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .

อดทนได้ . . . จงอดทน
อดใจได้ . . . จงอดใจ
. . . ไม่อดทน ไม่อดใจ . . . เรื่องเล็กจักกลายเป็นเรื่องใหญ่

คนที่มีความสุข มิใช่คนที่มีมากที่สุด
. . . แต่เป็นคนที่ต้องการน้อยที่สุด . . .
ยิ่งมีความต้องการน้อยลง
. . . สมบัติที่มีอยู่เดิม . . . ก็ดูเหมือนมีมากขึ้น . . .

ความสุขหรือความทุกข์ของชีวิต
บางครั้งเหมือนการมองผ่านกระจก
. . . หากกระจกใสสะอาด เมื่อมองสิ่งใดย่อมมีแต่ความสุข ปราศจากความขุ่นมัว
......หากกระจกขุ่นมัว เมื่อมองสิ่งใด . . . แม้เป็นสิ่งเดียวกัน . . . ก็มีแต่ความทุกข์ใจ
จงจำไว้ว่า . . . ความสุขอยู่ไม่ไกล
เพียงเช็ดกระจกให้ใส
เช็ดใจให้สะอาดเท่านั้นเอง

ทุกข์อยู่ที่ใจ . . . ทุกข์ของใครก็ของมัน . . .
ทุกข์อยู่ที่ใจ . . . ใครจะเก็บไว้ก็ช่างมัน . . .

สุขอยู่ที่ใจ . . . ฉันเก็บมันไว้ทุกวัน . . .
สุขอยู่ที่ใจ . . . ฉันจะให้กันและกัน . .