วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี




มารู้จักหนองหาน
หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อหนองหาน อาจเคยนึกว่าเป็นเพียงหนองน้ำธรรมดา หนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีพื้นที่ถึง 22,500 ไร่ อยู่ทางตอนเหนือของอำเภอกุมภวาปี มีลำห้วยไหลลงสู่หนองหาน 6 สาย และหนองหานยังเป็นต้นกำเนิดสำคัญของลำน้ำปาวไหลผ่านอำเภอกุมภวาปีไปทางทิศใต้แล้วผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ เลยไปลงแม่น้ำชี ปัจจุบันหนองหานได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ โดยมีการทำคันดิน ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 80 กิโลเมตร ล้อมรอบหนองหานและสร้างฝายกั้นลำปาว บริเวณบ้านท่าม่วง ตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี แต่หนองหานยังคงความยิ่งใหญ่จนถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ตำนานรักพญานาค เมืองล่มจมบาดาลที่หนองหาน
มีหมู่บ้านที่อยู่ติดริมหนองหานและอยู่ในอาณาบริเวณรวมแล้วประมาณ 60 หมู่บ้านจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนองหานมีความกว้างใหญ่เพียงใดและมีตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคที่มีชื่อเสียงว่า ตำนานผาแดงนางไอ่ ซึ่งคนในชุมชนยังมีความเชื่อในตำนานเรื่องนี้สืบต่อกันมายาวนาน

ตำนานโบราณเกี่ยวกับหนองหานที่เล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณ กล่าวไว้ว่า นางไอ่เป็นธิดาของพระราชาเมืองขอม ซึ่งมีสิริโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของเจ้าชายเมืองต่าง ๆ มีอยู่ปีหนึ่ง เมืองขอมประสบปัญหาฝนแล้ง เจ้าเมืองขอมจัดการแข่งขันบั้งไฟ และมีการจุดบั้งไฟเพื่อเสี่ยงทายขอฝน และหากบั้งไฟของใครขึ้นสูงที่สุด จะยอมยกธิดา คือนางไอ่คำ ให้เป็นภรรยา มีเจ้าชายจากนครต่าง ๆ เข้าแข่งขัน รวมทั้งท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง

ฝ่ายท้าวภังคี โอรสของพญานาค ในนครบาลดาล ทราบข่าว ก็ยกพลพญานาคปลอมตัวเป็นคนเข้ามา เข้าแข่งขันด้วย บั้งไฟของพญานาคภังคีไม่ชนะ แต่เมื่อภังคีได้ยลโฉมนางไอ่คำก็ไม่สามารถจะถอนใจรักได้ จึงปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาในสวนดอกไม้ของนางไอ่คำ ด้วยเคราะห์แต่ชาติปางก่อน นางไอ่คำเกิดคิดวิปริต ต้องการบริโภคเนื้อกระรอกเผือก จึงสั่งให้นายพรานตามล่ามาปรุงอาหาร และนายพรานก็ยิงกระรอกเผือกได้ ก่อนตายได้อธิษฐานว่า ใครก็ตามที่ได้บริโภคเนื้อของตนจงจมน้ำตายในบาดาล นางไอ่คำได้นำเนื้อกระรอกมาปรุงอาหาร และแจกจ่ายเนื้อกระรอกไปทั้งเมือง ในคืนนั้นเองเกิดพายุฝนแผ่นดินไหว น้ำท่วมพัดพาผู้คนลงสู่หนองหานและท้องบาดาล ท้าวนาคราชบิดาของภังคี โกรธที่โอรสถูกฆ่า จึงพานาคจากเมืองบาดาลมาอาละวาดถล่มเมืองขอมจนสิ้น ส่วนท้าวผาแดง เมื่อเห็นเมืองขอมถล่มได้พานางไอ่คำขึ้นม้าควบหนีไปทางทิศเหนือ หนีน้ำและบรรดาพญานาคที่ตามพ่นไฟไล่หลังมา วิญญาณแค้นของภังคีได้วนเวียนมาทวงความแค้นกับผาแดงนางไอ่ตลอดมาทุกชาติ

บริเวณที่พวกนาคถล่มจมพื้นบาดาล ได้กลายเป็นหนองหาน ณ ปัจจุบัน อยู่ในจังหวัดอุดรธานี เป็นต้นลำน้ำปาว มีเกาะต่าง ๆ ที่เหลือจากการล่ม คือ เกาะเกษ ดอนสวน ดอนเตา ดอนดินจี่ ดอนแอ่น และดอนหลวง มีสถานที่เป็นทางผ่านของผาแดง นางไอ่ เช่น ห้วยพ่นไฟ ห้วยสามพาด ห้วยน้ำฆ้อง ห้วยกองสี ฯลฯ

ประชาชนรอบ ๆ หนองหาน ได้สร้างเจดีย์ วัด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณผู้ที่ประสบเคราะห์กรรมจมน้ำตายในครั้งนี้ ได้แก่ พระธาตุเชียงแก้ว พระธาตุดอยหลวง พระธาตุบ้านเดียม พระธาตุจอมศรี พระมหาธาตุเจดีย์(พระธาตุดอนแก้ว) ศาลท้าวผาแดง เป็นต้น
ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี
หนองหาน นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบหนองหานได้พึ่งพาเป็นแหล่งอาหารแล้วนั้น ยังมีระบบนิเวศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มาศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว ธรรมชาติของหนองหาน ยังได้บรรจงสร้างทะเลบัวแดงสร้างความงดงามให้แก่หนองหานมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ดอกบัวแดงในหนองหานซึ่งมีจำนวนมากจะงอกงามโผล่จากน้ำขึ้นมา โดยเริ่มจากเดือนตุลาคม บัวเริ่มแตกใบและเริ่มออกดอกตูมและบานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บัวจะออกดอกมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ และค่อย ๆ ลดปริมาณลงในเดือนมีนาคม ดอกบัวส่วนใหญ่จะบานในช่วงเช้าตรู่ถึงเที่ยง นักท่องเที่ยวจะมองเห็นบัวแดงบานเต็มท้องน้ำสุดลูกหูลูกตางดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่าทะเลบัวแดง
สืบสานวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยว
จากจุดเด่นของหนองหานและตำนานเก่าแก่ได้หล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณรอบหนองหาน ให้เกิดความหวงแหนอนุรักษ์และพึ่งพาธรรมชาติจากหนองหานได้อย่างสมดุลและยั่งยืนมาจวบเท่าทุกวันนี้ อำเภอกุมภวาปีร่วมกับเทศบาลตำบลเชียงแหว ตลอดจนกลุ่มองค์กร และภาคเอกชนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี จึงได้กำหนดจัดงานเทศกาลทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปี ประจำปี 2553 ในวันที่ 15-17 มกราคม 2553 รวม 3 วัน 2 คืน ณ วัดบ้านเดียม หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่นและเพื่อส่งเสริมให้หนองหาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี

กิจกรรมในงานประกอบด้วยการสักการะพระมหาธาตุ เทพจินดา (พระธาตุบ้านเดียม) ล่องเรือชมธรรมชาติหนองหานและทะเลบัวแดงชมการประกวดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การแข่งขันกีฬาหลายประเภท การแสดงของนักเรียน นักศึกษาและกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

การเดินทางไปบ้านเดียม
จากเมืองอุดรธานีใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-กุมภวาปี) ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางห้วยสามพาด-อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ประมาณ 18 กิโลเมตร

ขอเชิญนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมความงดงามของหนองหาน ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม จนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี และที่ไม่ควรพลาด คือ เทศกาลทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปี ประจำปี 2553 ในวันที่ 15-17 มกราคม 2553 ณ วัดบ้านเดียม ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี

“ไผว่าบึงหนองหานฮ้าง
ให้จูงแขนเพิ่นมาเบิ่ง แนเด้อ
ธรรมชาติงามล้นขอบฟ้า
ฟังได้บ่ทอเห็น....พี่น้องเอ้ย”

ขอทราบรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ที่ทำการปกครองอำเภอกุมภวาปี โทรศัพท์ 0-4233-4446
- สำนักงานเทศบาลตำบลเชียงแหว โทรศัพท์ 0-4223-6022
- นายรักเกียรติ ศรีลาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเดียม โทรศัพท์ 08-4798-9016
- นางขันแก้ว แสนนางชน ประธานกลุ่มโฮมสเตย์บ้านเดียม โทรศัพท์ 08-6222-2486
- นางพวงทอง อุดชาชน ประธานกลุ่มโฮมสเตย์บ้านเชียงแหว โทรศัพท์ 08-5458-1075 , 0-4214-3070
- สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี โทรศัพท์ 0-4232-5406-7,0-4232-6436 www.tourismthailand.org/udonthani

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. สวยมากอยากไปเที่ยวจังผมชอบวิถีชีวิตทางภาคอีสาน

    ตอบลบ